เบรุต (Beirut)
นับเป็นนครเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีผู้อยู่อาศัยติดต่อกันเกิน 5,000 ปี มีการกล่าวถึงกรุงเบรุตครั้งแรกในจดหมายอะมาร์นา (Amarna) จากราชอาณาจักรอียิปต์ใหม่ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ก่อนคริสตกาล
กรุงเลบานอนเป็นนครที่ทำการรัฐบาลเลบานอน และมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจของประเทศ เป็นที่ตั้งของธนาคารและบริษัทส่วนใหญ่ หลังสงครามกลางเมืองเลบานอน ภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเลบานอนอยู่ระหว่างบูรณะครั้งใหญ่ จัดเป็นนครโลกระดับบีตาโดยเครือข่ายวิจัยโลกาภิวัฒน์และนครของโลก
เบรุตเป็นเมืองหลวงและเมืองท่าที่สำคัญของเลบานอน เป็นเมืองเก่าที่เป็นศูนย์กลางการศึกษามาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน สันนิษฐานว่าชื่อเมืองนี้มาจากภาษาอราเมอิก berotha แปลว่าต้นสน หรืออาจจะมาจากภาษาละติน berytus ที่มาจากภาษาคานาอันและภาษาฟินิเชียน beroth หมายถึงบ่อน้ำ
ชื่อเมืองเบรุตปรากฏในจารึกของอียิปต์โบราณที่เรียกจารึกเทลส์ เอลอมาร์นาซึ่งเป็นเมืองที่สำคัญเมืองหนึ่งในสมัยจักรวรรดิโรมัน เบรุตถูกกองทัพโรมันทำลายหลายครั้ง จนโรมันเข้ามาปกครองเมื่อ พ.ศ. 479 ทำให้เบรุตเจริญรุ่งเรืองในช่วงที่เป็นอาณานิคมของโรมัน มีชื่อเสียงทางด้านการศึกษา กฎหมายตั้งแต่ พ.ศ. 743 แต่หลังจากเกิดคลื่นยักษ์ถล่มเมืองเมื่อ พ.ศ. 1094 ทำให้ประชากรลดลงมาก
เมื่อชาวอาหรับมาโจมตีซีเรียใน พ.ศ. 1178 เบรุตจึงอยู่ภายใต้การปกครองของอาหรับจนถึงสมัยสงครามครูเสด พวกครูเสดได้จัดตั้งราชอาณาจักรลาดินแห่งเยรูซาเล็มเมื่อ พ.ศ. 1653 พระเจ้าเบลด์วินที่ 1 ทรงมาตีเมืองเบรุตได้ ทำให้เบรุตกลายเป็นเป้าหมายของการแย่งชิงระหว่างนักรบครูเสดและมุสลิม จนมุสลิมสามารถขับไล่พวกครูเสดออกไปได้เมื่อ พ.ศ. 1834 เบรุตจึงเป็นส่วนหนึ่งของอียิปต์ที่ปกครองโดยกษัตริย์ราชวงศ์มัมลูก ในช่วงนี้ เมืองเบรุตยิ่งเสื่อมโทรมลง จนจักรวรรดิออตโตมานปราบปรามซีเรีย อียิปต์ และอิรักได้ใน พ.ศ. 2059 เบรุตจึงเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออตโตมาน โดยออตโตมานให้เจ้าชายของชาวดรูซมาปกครองเลบานอนตอนกลางและตอนใต้
ใน พ.ศ. 2315 เบรุตกลายเป็นแหล่งของการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจคือรัสเซีย อังกฤษ เติร์ก และออสเตรีย จน พ.ศ. 2384 จึงให้มุฮัมหมัด อาลี แห่งอียิปต์ยึดครองไว้ 10 ปี หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จักรวรรดิออตโตมานเป็นฝ่ายแพ้สงคราม ฝรั่งเศสได้เข้ามาปกครองซีเรียในฐานะดินแดนในอาณัติ และได้แยกเลบานอนออกจากซีเรีย โดยให้เบรุตเป็นเมืองหลวงของเลบานอน ตั้งแต่ พ.ศ. 2463 ชาวคริสต์นิกายโรมาไนต์ซึ่งฝรั่งเศสให้การสนับสนุนได้เป็นใหญ่ทางการเมืองจนเลบานอนได้รับเอกราชใน พ.ศ. 2489 ในช่วง พ.ศ. 2495 – 2518 เบรุตเป็นศูนย์กลางกิจการธนาคารของอาหรับ มีท่าเรือสำคัญ เป็นศูนย์กลางการศึกษาของเลบานอน โดยมีสถานันการศึกษาระดับอุดมศึกษา 8 แห่งอยู่ในเบรุต
ความขัดแย้งระหว่างชาวคริสต์และมุสลิมในเลบานอนทำให้เบรุตต้องพบกับปัญหาความขัดแย้งตลอดเวลา จนนำไปสู่สงครามกลางเมืองใน พ.ศ. 2517 – 2519 และมีการสู้รบเรื่อยมา โดยซีเรียสนับสนุนมุสลิม และอิสราเอลสนับสนุนชาวคริสต์จนเบรุตต้องถูกแบ่งเป็นสองส่วน คือเขตของชาวคริสต์ทางตะวันออกและเขตมุสลิมทางตะวันตก ระหว่างสองเขตมีการต่อสู้กันอยู่เสมอ เมื่อกองกำลังปลดปล่อยปาเลสไตน์ลอบโจมตีอิสราเอลจากดินแดนเลบานอน อิสราเอลตอบโต้โดยการบุกโจมตีเลบานอน ทำให้เบรุตกลายเป็นศูนย์กลางความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ แม้ว่าข้อตกลงใน พ.ศ. 2525 จะให้ปาเลสไตน์ถอนตัวไปจากเลบานอน
หลังจากสิ้นสุดสงครามใน พ.ศ. 2533 ชาวเลบานอนได้สร้างเบรุตขึ้นใหม่โดยส่วนใหญ่เกิดจากแรงงานของทหาร เมืองเบรุตกลับมาเป็นศูนย์กลางของตะวันออกกลางทางด้านการค้า แฟชั่น และสื่อ ราฟิก ฮารีรี อดีตนายกรัฐมนตรีของเลบานอนถูกลอบสังหารในเบรุตเมื่อ พ.ศ. 2548. ในอีกหนึ่งเดือนต่อมาได้มีประชาชนนับล้านออกมาชุมนุมต่อต้านในเบรุต. การปฏิวัติซ๊ดาร์เป็นการชุมนุมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเลบานอน กองทหารที่ใหญ่ที่สุดของซีเรียถอนออกจากเบรุตเมื่อ 26 เมษายน พ.ศ. 2548
เมื่อเริ่มความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-เลบานอนใน พ.ศ. 2549 อิสราเอลได้โจมตีบางส่วนของเบรุต โดยเฉพาะพื้นที่ของมุสลิมชีอะห์ทางใต้ของเบรุต ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 หลังจากที่รัฐบาลตัดสินใจคว่ำบาตรเครือข่ายของกลุ่มฮิซบุลลอหฺ ทำให้เกิดความขัดแย้งและกลายเป็นสงครามกลางเมือง หลังจากที่มีการเจรจาในระดับนานาชาติโดยให้เจ้าชายแห่งกาตาร์เป็นผู้ไกล่เกลี่ย ได้ตกลงให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติในเลบานอน